ชื่องานวิจัย | การพัฒนาระบบสารสนเทศด้วยระบบจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดน่าน |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 1 ต.ค. 2563 |
หน่วยงาน | สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน |
ผู้วิจัย | นายนภดล สุดสม |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความวิชาการ หรือ เอกสารรูปแบบวิชาการต่างๆ |
คำสำคัญ | ระบบสารสนเทศ,ระบบจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์,การคัดกรองและเฝ้าระวังโรค,โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา,2019,COVID-19 |
สาขางานวิจัย | งานสนับสนุนบริหาร |
ประเด็นงานวิจัย | โรค ภัยและภาวะสุขภาพ |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การสนับสนุนงานบริหาร (Back office support) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงพัฒนา (Developmental Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงปริมาณ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์ ขยายผลในหลายองค์กร ชุมชน อำเภอ หรือระดับจังหวัด |
เอกสาร | |
คะแนน | 0 |
จำนวนการเข้าชม | 531 |
เพื่อพัฒนาระบบสารสนเทศด้วยระบบจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์สำหรับการเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดน่าน
การวิจัยและพัฒนา(R&D)
ใช้วิธีการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว (Rapid Application Development : RAD) ประกอบด้วย 4 ขั้นตอน คือ 1. การวางแผนความต้องการ 2. ออกแบบ 3. สร้างระบบ และ4. ใช้ระบบ ผลลัพธ์การพัฒนามีการออกแบบโครงสร้างระบบและเขียนโปรแกรม web-based application เป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. Web application สำหรับด่านคัดกรองโรค www.savenan.com และสำหรับเฝ้าระวัง ติดตาม อาการของกลุ่มเสี่ยงผู้ที่ต้องกักตัว 14 วัน 2. Mobile application สำหรับการแจ้งเตือนผู้มาจากพื้นที่เสี่ยงแบบเรียลไทม์ และ 3. SAT system โปรแกรมสำหรับรวบรวมจัดการฐานข้อมูลระบบ
ข้อมูล ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2563 มีจำนวนข้อมูลผู้ผ่านด่านคัดกรองทั้งหมด 15,380 ราย มีการแจ้งเตือนออนไลน์กลุ่มเสี่ยงที่กลับบ้านต้องกักตัว 14 วัน แบบเรียลไทม์จากด่านไปถึงชุมชนทั้งหมด 2,143 ครั้ง มีเครือข่ายกลุ่มผู้ใช้งานครบทั้ง 15 อำเภอ จำนวน 335 คน และมีข้อมูลในระบบเฝ้าระวัง ติดตาม อาการของกลุ่มเสี่ยงผู้ที่ต้องกักตัวหรือสังเกตอาการตนเอง 14 วัน ทั้งหมด 7,135 คน
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่าระบบสารสนเทศด้วยระบบจัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ในการคัดกรองและเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สามารถใช้บูรณาการข้อมูลเฝ้าระวังโรคในกลุ่มเสี่ยงเพื่อประกอบการตัดสินใจในการกำหนดมาตรการควบคุมโรคระดับจังหวัดได้ ส่วนโครงสร้างทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ที่พัฒนาขึ้นสามารถต่อยอดใช้เป็นต้นแบบและต้นทุนเพื่อรับมือกับโรคระบาดอื่น ๆ ในอนาคตได้ งานวิจัยนี้พบว่าวิธีการพัฒนาแอปพลิเคชันอย่างรวดเร็ว (RAD) และเทคนิคการพัฒนาแอปพลิเคชันร่วมกัน (JAD) เป็นโมเดลที่มีประสิทธิภาพสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ในสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
ไม่มี เนื่องจากปฏิบัติหน้างานจริง
ผลงาน R2R ดีเด่น ภายในงานประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข กับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุค New normal ประจำปี 2563