ชื่องานวิจัย | รูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วม ของชุมชนในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำตวง ตำบลน้ำพาง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 26 ก.ค. 2565 |
หน่วยงาน | สำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่จริม |
ผู้วิจัย | นางสาวศศิธร กันทะ |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความวิชาการ หรือ เอกสารรูปแบบวิชาการต่างๆ |
คำสำคัญ | การมีส่วนร่วม, โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, การเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 20 |
สาขางานวิจัย | งานบริการระดับปฐมภูมิ |
ประเด็นงานวิจัย | โรค ภัยและภาวะสุขภาพ |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การควบคุมโรค (Diseaes controlling) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงคุณภาพและปริมาณ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์เฉพาะหน่วยงาน |
เอกสาร | รูปแบบการเฝ้าระวังโรคโควิด 19_14-07-64.pdf |
คะแนน | 69 |
จำนวนการเข้าชม | 85 |
1.เพื่อศึกษารูปแบบและผลของกระบวนการการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำตวง
2.เพื่อพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำตวง
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วมมีความมุ่งหมายเพื่อศึกษารูปแบบและผลของกระบวนการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำตวง คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายจากเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง จำนวน 50 คน ประกอบด้วย ผู้ใหญ่บ้าน, ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน, สมาชิองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.), อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.), ผู้นำแซ่/ผู้นำทางศาสนา, ผู้นำคุ้ม, ผู้อำนวยการโรงเรียน/ครูใหญ่, หัวหน้าศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก, ตัวแทนเจ้าหน้าที่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำฯ(พมพ.4), องค์การบริหารส่วนตำบล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำตวง โดยวิธีการเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยการสังเกตแบบมีส่วนร่วม การสัมภาษณ์แบบไม่มีโครงสร้าง การสนทนากลุ่ม การบันทึกภาคสนาม การบันทึกการประชุม เวทีชุมชน การประชุมกลุ่ม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยวิธีการวิเคราะห์เชิงเนื้อหาเพื่อหาข้อสรุป สรุปได้ว่า การดำเนินงานตามกระบวนการวิจัย 4 ขั้นตอน ดังนี้ ขั้นตอนการวางแผน ขั้นตอนการปฏิบัติ ขั้นตอนการสังเกตการณ์และขั้นตอนการสะท้อนผลการปฏิบัติงานในพื้นที่ ผลที่ได้จากกระบวนการวิจัยพบว่าภาคีเครือข่ายมีการบูรณาการความร่วมมืออย่างมีส่วนร่วม ข้อเรียนรู้ที่ได้ คือ การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายสามารถช่วยแก้ไขปัญหาการไม่เข้าใจในกระบวนการทำงาน การสื่อสาร และอื่นๆได้อย่างเป็นระบบ จากที่รูปแบบเดิมทุกคนให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) เท่านั้น ดังนั้นการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019ให้ประสบความสำเร็จ จะต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมกิจกรรม ร่วมดำเนินการ ร่วมประเมินผลการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทำให้ได้รูปแบบการดำเนินงานที่เรียกว่า รูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำตวง ปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ การมีส่วนร่วม การบูรณาการ การทำงานร่วมกันระหว่างภาคีเครือข่าย การประสานงานและการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ
คำสำคัญ การมีส่วนร่วม, โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, การเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคเชื้อไวรัสโคโรนา 20
รูปแบบการวิจัย เป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research,PAR) ตามกรอบแนวคิดของ Kimmis and McTaggart(1988) โดยมี 4 ขั้นตอน(6) คือ
1.การวางแผนเพื่อไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น (Planning)
2.การลงมือปฏิบัติการตามแผน (Action)
3.การสังเกตการณ์ (Observation)
4.การสะท้อนกลับผลการปฏิบัติงาน(Reflection)
สรุปผลการศึกษา
1.มีรูปแบบการบริหารจัดการระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง สอบสวน ควบคุม ป้องกันโรคติดเฃื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล มีโครงสร้างที่มอบหมายงานชัดเจน
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
-เฝ้าระวัง คัดกรอง สอบสวน ควบคุม ป้องกันโรคติดเฃื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) -ระบบเฝ้าระวัง คัดกรอง เป็นหน้าที่ของ ผู้นำชุมชน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำแช่ ผู้นำคุ้ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและประชาชนทุกคนร่วมด้วยช่วยแบบมีส่วนในการเฝ้าระวัง
-การสอบสวนโรค ควบคุมโรค แบ่งหน้าที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารศุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) องค์การบริการส่วนตำบล
2.ภาคีเครือข่ายมีการบูรณาการความร่วมมืออย่างมีส่วนร่วมในการจัดการระบบเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ ได้แก่ ประชาชนในพื้นที่ สาธารณสุข ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุข องค์การบริหารส่วนตำบล โรงเรียน
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
-เฝ้าระวัง คัดกรอง สอบสวน ควบคุม ป้องกันโรคติดเฃื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) -ผู้นำชุมชน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำแช่ ผู้นำคุ้ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและประชาชนทุกคนร่วมด้วยช่วยแบบมีส่วนในการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
-โรงเรียนมีอสม.น้อย เป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวัง ป้องกันโรค
-องค์การบริหารส่วนตำบลสนับสนุน คน เงิน ของ ในการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างต่อเนื่อง
3.จัดระบบเฝ้าระวัง คัดกรองกลุ่มเสี่ยง กลุ่มผู้ป่วย และสอบสวนโรคติดเฃื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยใช้แนวทางจากกรมควบคุมโรค ตามคู่มือของกระทรวงสาธารณสุข ตามคำสั่งประกาศคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดน่าน และคำสั่งศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอแม่จริม ตลอด 24 ชั่วโมง รายงานระบบตามโครงสร้างที่ได้รับมอบหมายตามลำดับ
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
-เฝ้าระวัง คัดกรองกลุ่มเสี่ยง กลุ่มผู้ป่วย และสอบสวนโรคติดเฃื้อไวรัสโคโรนา 2019เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) -ระบบเฝ้าระวัง คัดกรองกลุ่มเสี่ยง กลุ่มผู้ป่วย และสอบสวนโรคติดเฃื้อไวรัสโคโรนา 2019โดยผู้นำชุมชน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำแช่ ผู้นำคุ้ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)เจ้าหน้าที่สาธารณสุขและประชาชนทุกคนร่วมด้วยช่วยแบบมีส่วนในการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
4.มีระบบการเฝ้าระวัง ควบคุมโรคในสถานบริการและชุมชน แบ่งหน้าที่เป็นทีม ประกอบด้วย ทีมสื่อสารให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆทั้งยามปกติและเกิดเหตุ ทีมควบคุมและสอบสวนโรค ทีมจัดการสิ่งแวดล้อม การส่งต่อ หากพบกลุ่มเสี่ยง หรือกลุ่มป่วยต้องส่งต่อ โรงพยาบาลแม่ข่าย ด้วยความรวดเร็ว ทันเวลา ตามมาตรการขั้นตอนที่กำหนดไว้
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
-การเฝ้าระวัง ควบคุมโรคในสถานบริการและชุมชน เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) -ระบบการเฝ้าระวัง ควบคุมโรคในสถานบริการและชุมชน แบ่งหน้าที่เป็นทีม ประกอบด้วย ทีมสื่อสารให้ความรู้ข้อมูลข่าวสารต่างๆทั้งยามปกติและเกิดเหตุ ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่สาธารณสุข อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม)
ทีมควบคุมและสอบสวนโรค เจ้าหน้าที่สาธารณสุข องค์การบริหารส่วนตำบล
ทีมจัดการสิ่งแวดล้อม เจ้าหน้าที่สาธารณสุข องค์การบริหารส่วนตำบล
5.มีมาตรการปฏิบัติตามที่ภาครัฐกำหนดแล้วยังมีมาตรการทางชุมชน จัดการโดยชุมชน ผู้นำแช่ของแต่ละแซ่มีบทบาทในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค โรคติดเฃื้อไวรัสโคโรนา 2019 เช่น ไปร่วมงานสีดำต่างชุมชนต้องได้รับอนุญาติผู้นำแช่ก่อน, ห้ามจัดงานใดๆทั้งสิ้นในช่วงการเกิดระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, ถ้ามีญาติมาจากที่อื่นก่อนเข้าหมู่บ้านต้องปรึกษาหรือผ่านการรับทราบจากผู้ใหญ่บ้านหรือผู้นำแช่ก่อนทุกครั้ง, ห้ามไม่ให้ตลาดนัดมาขายของในชุมชนโดยเด็ดขาด,หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ ปรับคละ 500 บาทอย่างต่ำ หากเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คนที่นำเชื้อมาต้องรับผิดชอบกับเหตุที่เกิดขึ้นทุกกรณี และไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ กับคนที่ทำให้เกิดโรค
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
-มีเฉพาะมาตรการทางภาครัฐกำหนด ยังไม่มีมาตรการทางชุมชนออกมาในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 -ผู้นำชุมชน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำแช่ ผู้นำคุ้ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)และประชาชนทุกคนร่วมกำหนดมาตรการกันเองโดยชุมชน
-ผู้นำแช่ ผู้นำตระกูล มีบทบาทและมีอิทธิพลของความเชื่อ ความเคารพนับถือปฏิบัติต่อจากบรรพบุรุษ สืบทอดจนถึงปัจจุบัน ก่อนออกพื้นที่ ไปร่วมงานต่างๆทั้งในชุมชนและนอกชุมชน ของแซ่นั้นๆต้องได้รับการอนุญาตจากผู้นำแช่ หรือผู้นำตระกูลก่อนทุกครั้ง หากมีเหตุเกิดอย่างใดอย่างหนึ่งต้องรับผิดชอบทุกกรณี หรือมีเหตุอันเป็นไป
6.มีเครือข่าย อสม.น้อย เป็นจิตอาสา ในการช่วยเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในโรงเรียน และชุมชน โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขน้อย (อสม.น้อย) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโควิด 19 ในโรงเรียนและชุมชน มีบทบาทที่ช่วยสนับสนุนการทำงาน อสม.ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019และเป็นแบบอย่างในครอบครัว ชุมชนให้ปฏิบัติตัวในการเฝ้าระวัง ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ช่วยเป็นตาสับปะรดคอยสอดส่องดูแลคนเข้าพื้นที่ แจ้งให้กับพี่ อสม.ในชุมชน ในโรงเรียนเป็นพี่เลี้ยงในการให้ความรู้โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 การป้องกัน การปฏิบัติตัว และเป็นแบบอย่างให้เพื่อๆน้องๆในโรงเรียนและโครงการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อสร้างวัคซีนใจในชุมชน ในสถานการณ์โควิด 2019 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนรู้ชุมชน และสามารถแก้ปัญหา จัดการโดยชุมชน หากเกิดการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยนำทุกภาคส่วนของ 3 หมู่บ้านมาร่วมดำเนินการร่วมกันโดยโครงการดังกล่าวได้รับสนับสนุนงบประมาณโดยโครงการวิจัยการพัฒนาระบบและกลไกการจัดการโรคติดต่อในพื้นที่ชายแดน ไทย - ลาว (น่าน –พะเยา - ไชยะบุรี ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
ไม่มีอสม.น้อย ไม่มีกิจกรรมวัคซีนใจให้ชุมชน มีเครือข่าย อสม.น้อย เป็นจิตอาสา ในการช่วยเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในโรงเรียน และชุมชน โครงการอาสาสมัครสาธารณสุขน้อย (อสม.น้อย) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโควิด 19 ในโรงเรียนและชุมชน มีบทบาทที่ช่วยสนับสนุนการทำงาน อสม.ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019และเป็นแบบอย่างในครอบครัว ชุมชนให้ปฏิบัติตัวในการเฝ้าระวัง ป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
โครงการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อสร้างวัคซีนใจในชุมชน ในสถานการณ์โควิด 2019 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ชุมชนรู้ชุมชน และสามารถแก้ปัญหา จัดการโดยชุมชน หากเกิดการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยนำทุกภาคส่วนของ 3 หมู่บ้านมาร่วมดำเนินการร่วมกันโดยโครงการดังกล่าวได้รับสนับสนุนงบประมาณโดยโครงการวิจัยการพัฒนาระบบและกลไกการจัดการโรคติดต่อในพื้นที่ชายแดน ไทย - ลาว (น่าน –พะเยา - ไชยะบุรี ภายใต้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
7.การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับการเฝ้าระวัง การป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ถูกต้อง รวดเร็ว อย่างต่อเนื่อง แก่ ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ภาคีเครือข่าย และประชาชน ผ่านทางหอกระจายข่าวของหมู่บ้านทุกวัน, อสม.เคาะประตูบ้าน ครบทุกหลังคาเรือน ร้อยละ100 ติดตามการอาการและการกักตัว ร้อยละ100, กลุ่มไลน์อสม.รพ.สต.บ้านน้ำตวง ช่วยให้ไม่เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่รับผิดชอบ
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
-การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับการเฝ้าระวัง การป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) -การประชาสัมพันธ์ให้ความรู้กับการเฝ้าระวัง การป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ถูกต้อง รวดเร็ว อย่างต่อเนื่อง แก่ ผู้นำชุมชน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ภาคีเครือข่าย และประชาชน ผ่านทางหอกระจายข่าวของหมู่บ้านทุกวัน, อสม.เคาะประตูบ้าน ครบทุกหลังคาเรือน ร้อยละ100 ติดตามการอาการและการกักตัว ร้อยละ100, กลุ่มไลน์อสม.รพ.สต.บ้านน้ำตวง ช่วยให้ไม่เกิดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่รับผิดชอบ
8.มีชุดสู้ภัยโควิด 19 เป็นเครื่องมือเสริมพลังเยี่ยมผู้กักตัว โดยการมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่ อสม. ผู้นำชุมชน อบต. โครงการพัฒนาความมั่นคงฯพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน(พมพ.4)บ้านน้ำตวงและบ้านสว่าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่กักตัวได้มีกำลังใจสู้ไปด้วยกัน เพื่อให้ชุมชนปลอดการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
-ไม่มีของเยี่ยม -มีชุดสู้ภัยโควิด 19 เป็นเครื่องมือเสริมพลังเยี่ยมผู้กักตัว โดยการมีส่วนร่วมจากประชาชนในพื้นที่ อสม. ผู้นำชุมชน อบต. โครงการพัฒนาความมั่นคงฯพื้นที่ลุ่มน้ำน่าน(พมพ.4)บ้านน้ำตวงและบ้านสว่าง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงที่กักตัวได้มีกำลังใจสู้ไปด้วยกัน เพื่อให้ชุมชนปลอดการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
9. องค์การบริหารส่วนตำบลให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงและเข้มงวด ตามคำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดน่าน ที่ให้ความร่วมมือในการกักตัวเฝ้าระวังอาการตัวเอง ครบ 14 วัน โดยให้การสนับสนุนค่าอาหารแต่ละมือต่อคน ระหว่างการกักตัว ไม่ต่ำกว่าคนละ 3,000 บาท ทั้งนี้ในเขตรับผิดชอบมีองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพาง และองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแดงให้การสนับสนุน ช่วยให้ผู้กักตัวและครอบครัวมีความพึงพอใจในการกักตัวดีขึ้นมากกว่าก่อนและลดความเครียดในช่วงการกักตัว แบ่งเบาภาระในค่าใช้จ่ายระหว่างการกักตัว และมีสุขภาพจิตดีขึ้น ไม่เครียด อย่างน้อยได้รับความช่วยเหลือ เยียวยา ทันถ่วงที ทำให้ผลของการกักตัวครบ ร้อยละ 100
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
-ไม่ได้รับการสนับสนุนจากอบต.แต่ได้รับการสนับสนุนจากชุมชน - องค์การบริหารส่วนตำบลให้การสนับสนุนในการช่วยเหลือ ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงและเข้มงวด ตามคำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดน่าน ที่ให้ความร่วมมือในการกักตัวเฝ้าระวังอาการตัวเอง ครบ 14 วัน โดยให้การสนับสนุนค่าอาหารแต่ละมือต่อคน ระหว่างการกักตัว ไม่ต่ำกว่าคนละ 3,000 บาท ทั้งนี้ในเขตรับผิดชอบมีองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำพาง และองค์การบริหารส่วนตำบลหนองแดงให้การสนับสนุน ช่วยให้ผู้กักตัวและครอบครัวมีความพึงพอใจในการกักตัวดีขึ้นมากกว่าก่อนและลดความเครียดในช่วงการกักตัว แบ่งเบาภาระในค่าใช้จ่ายระหว่างการกักตัว และมีสุขภาพจิตดีขึ้น ไม่เครียด อย่างน้อยได้รับความช่วยเหลือ เยียวยา ทันถ่วงที ทำให้ผลของการกักตัวครบ ร้อยละ 100
10.การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมกิจกรรม ร่วมดำเนินการ ร่วมประเมินผลการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามคำสั่ง มาตรการต่างๆ ร่วมจัดปัญหาต่างๆ ของชุมชน และกลุ่มเสี่ยงที่ไม่เข้าใจระบบการเฝ้าระวัง การกักตัว ทำให้ผลการประเมินรูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำตวง โดยชุมชนคิดขึ้นมา สู่การปฏิบัติจริงได้เป็นอย่างดี โดยประเมินผลจากการไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่
ก่อนดำเนินการ หลังดำเนินการ
เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)ในการวางแผน ทำกิจกรรม ดำเนินการ - ผู้นำชุมชน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำแช่ ผู้นำคุ้ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.)เจ้าหน้าที่สาธารณสุข องค์การบริการส่วนตำบลและประชาชนทุกคนร่วมด้วย
การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมกิจกรรม ร่วมดำเนินการ ร่วมประเมินผลการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามคำสั่ง มาตรการต่างๆ ร่วมจัดปัญหาต่างๆ ของชุมชน และกลุ่มเสี่ยงที่ไม่เข้าใจระบบการเฝ้าระวัง การกักตัว ทำให้ผลการประเมินรูปแบบการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยการมีส่วนร่วมของชุมชนในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านน้ำตวง โดยชุมชนคิดขึ้นมา สู่การปฏิบัติจริงได้เป็นอย่างดี โดยประเมินผลจากการไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในพื้นที่
รูปแบบที่เหมาะสมกับบริบทพื้นที่ คือ ชุมชนจัดการกันเองแบบมีส่วนร่วม มีความเตรียมพร้อมของทุกฝ่าย อยู่ด้วยวิถีชีวิตที่สืบทอดกันมาในระบบเครือญาติ อิทธิพลความเชื่อความศรัทธา นำบทบาทของผู้นำแซ่ ผู้นำตระกูลมาช่วยในการจัดการ การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ได้อย่างกลมกลืน มีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล คือชุมชนทั้ง 3 หมู่บ้านยังไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ชุมชนมีความพึ่งพอใจกับรูปแบบที่กำหนดขึ้น วัดจากการนำไปใช้ในพื้นที่ ทุกคนพร้อมทำและปฏิบัติตาม
ปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในพื้นที่ การแบ่งงานกันทำ มีผู้นำชุมชนที่มีภาวะผู้นำที่สูงทั้ง 3 หมู่บ้าน แกนนำทางความเชื่อ เช่นผู้นำแซ่ ผู้นำตระกูล เป็นที่ยอมรับ นับถือของชุมชน จนได้รูปแบบการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้ไม่พบการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ในพื้นที่
1 เชิงปริมาณ
1.1 คุณลักษณะส่วนบุคคลของผู้ร่วมวิจัย พบว่าผู้ร่วมวิจัยส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง คิดเป็น ร้อยละ 83.3 มีอายุต่ำสุด 20 ปี และสูงสุด 80 ปี โดยมีอายุเฉลี่ย 52 ปี มีการศึกษาระดับประถมศึกษามากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 46.90 ส่วนใหญ่มีสถานภาพสมรสคู่ คิดเป็นร้อยละ 80.70 มีอาชีพหลักเป็นเกษตรกรมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 48.80 มีรายได้อยู่ในช่วง 5,000–10,000 บาท/เดือน มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 49.80 มีการรับรู้ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคในระดับปานกลาง มากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 38.50 ส่วนใหญ่กลัวการติดโรค คิดเป็น ร้อยละ 80.50 มีการติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโรค คิดเป็นร้อยละ 98.60 และแหล่งที่มาของข้อมูลข่าวสาร คือ การดูโทรทัศน์ คิดเป็นร้อยละ 93.20 รองลงมา คือ จากบุคลากรสาธารณสุข คิดเป็นร้อยละ 90.50
1..2 อัตราป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่า ทั้งก่อน และหลังการพัฒนารูปแบบ ไม่พบการเจ็บป่วยของประชาชนในหมู่บ้าน ทั้ง 3 หมู่บ้าน ทำให้ประชาชนในหมู่บ้านคลายความวิตกกังวล และปฏิบัติตามมาตรการของชุมชน ที่กำหนดร่วมกัน เนื่องจากเห็นว่าการปฏิบัติดังกล่าว เกิดผลดี สามารถป้องกัน โรคโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้
2 เชิงคุณภาพ
2.1 การมีส่วนร่วมของชุมชน ในการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พบว่า แกนนำชุมชน และภาคีเครือข่ายในชุมชนทั้ง 3 หมู่บ้าน มีส่วนร่วมในการดำเนินงานทุกขั้นตอน โดยร่วมวิเคราะห์ปัญหา วางแผนแก้ไขปัญหา ดำเนินกิจกรรมการเฝ้าระวังป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 และร่วมประเมินผล แม้ว่าผู้ร่วมกระบวนการบางท่านจะมีส่วนร่วมน้อยในช่วงแรก ของการดำเนินการ เนื่องจากมีภาระงานด้านอาชีพ แต่ช่วงหลังที่เสร็จสิ้นภาระงาน มีส่วนร่วมมากขึ้น แกนนำนักเรียนอาสาสมัครสาธารณสุขน้อย (อสม.น้อย) นำความรู้ไปถ่ายทอดให้แก่นักเรียนในโรงเรียน และปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างในชุมชน
1 ด้านการวิจัยเป็นการวิจัยเชิงปฏิบัติการ การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยกระบวนการหลายอย่าง ดังนั้น ผู้วิจัยจึงต้องเรียนรู้ และทบทวนกระบวนการดำเนินงานเพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้อง
2 ด้านการเก็บข้อมูล เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่ผู้ทำวิจัยได้ทำวิจัยเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ การสื่อสาร จึงเป็นอุปสรรคในการดำเนินการบางช่วง และบางส่วน อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ จึงส่งผลให้การตอบคำถามบางส่วน เกิดความคลาดเคลื่อน และล่าช้าในการต้องตรวจสอบซ้ำ และผู้วิจัยต้องใช้ล่ามแปลภาษาในบางกรณี
3 ด้านเผยแพร่ผลงานต้องใช้ระยะเวลาในการหาหน่วยงานและวารสารเผยแพร่ผลงาน
นำเสนอผลงานวิชาการสาธารณสุขน่าน ประจำปี 2564