ชื่องานวิจัย | ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองต่อพฤติกรรมการจัดการ ตนเอง และระดับฮีโมโกลบินเอวันซีของผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 โรงพยาบาลเชียงกลาง จังหวัดน่าน |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 18 ส.ค. 2563 |
หน่วยงาน | โรงพยาบาลเชียงกลาง |
ผู้วิจัย | นางธมภร โพธิรุด |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ |
คำสำคัญ | โปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเอง, พฤติกรรมการจัดการตนเอง, ระดับฮีโมโกลบินเอวันซี, เบาหวานชนิดที่ 2 |
สาขางานวิจัย | งานบริการระดับทุติยภูมิ |
ประเด็นงานวิจัย | ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและ Health Literacy |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การทดสอบผลิตภัณฑ์ (Product testing) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงปริมาณ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์ ขยายผลในระดับเขต หรือ ประเทศ |
เอกสาร | ผลของโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเอในผู้ป่วยเบาหวาน.pdf |
คะแนน | 93 |
จำนวนการเข้าชม | 207 |
1. เปรียบเทียบพฤติกรรมการจัดการตนเองและระดับฮีโมโกลบินเอวันซีของผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ก่อนและหลังได้รับโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเอง
2. เปรียบเทียบพฤติกรรมการจัดการตนเองและระดับฮีโมโกลบินเอวันซีของผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ระหว่างกลุ่มที่ได้รับโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเอง และกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามปกต
รูปแบบการวิจัยเชิงทดลอง
กลุ่มทดลอง ผู้วิจัยดำเนินกิจกรรมตามโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเอง โดยแบ่งเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละ8-12 ราย เข้าร่วมกิจกรรมครั้งละ 2-2.5 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
กลุ่มควบคุม ได้รับการดูแลตามปกติโดยพยาบาลประจำคลินิกโรคเบาหวานเมื่อสิ้นสุดการทดลอง ผู้วิจัยให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคเบาหวาน พฤติกรรมการจัดการตนเองที่ถูกต้อง และมอบคู่มือการจัดการตนเองเพื่อควบคุมโรคเบาหวาน
สัปดาห์ที่ 5-15 ให้กลุ่มทดลองปฏิบัติตามโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองที่บ้านโดยมีการติดตาม
เยี่ยมบ้านในสัปดาห์ที่ 6 และสัปดาห์ที่ 8 และการใช้โทรศัพท์ติดตามสัปดาห์ละครั้ง
สัปดาห์ที่ 16 ผู้วิจัยนัดกลุ่มตัวอย่างทั้ง 2 กลุ่มประเมินพฤติกรรมการจัดการตนเอง และระดับฮีโมโกลบินเอวันซี
พบว่า หลังการทดลอง 1) กลุ่มทดลองมีพฤติกรรมการจัดการตนเองดีกว่า และระดับฮีโมโกลบินเอวันซี ต่ำกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 2) กลุ่มทดลองมีพฤติกรรมการจัดการตนเอง ดีกว่าและระดับฮีโมโกลบินเอวันซี ต่ำกว่ากลุ่มควบคุม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
การวิจัยนี้ชี้ว่า การใช้โปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองทำให้พฤติกรรมการจัดการตนเอง และระดับฮีโมโกลบินเอวันซีของผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ดีขึ้น จึงควรนำโปรแกรมสนับสนุนการจัดการตนเองมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ต่อไป
1. ควรนำโปรแกรมการสนับสนุนการจัดการตนเองไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการดูแลผู้เป็นเบาหวานทุกราย
ทั้งในโรงพยาบาลและชุมชนเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
2. ควรติดตามประเมินผลของการใช้โปรแกรมการสนับสนุนการจัดการตนเองในระยะยาว 8 เดือน หรือ 1 ปี เพื่อประเมินการคงอยู่ของพฤติกรรมการจัดการตนเองและการลดลงของฮีโมโกลบินเอวันซี
เผยแพร่ในเวทีการประชุมวิชาการกระทรวงสาธารณสุข ประจำปี 2561 และตีพิมพ์ในวารสารพยาบาล