ชื่องานวิจัย | การศึกษากระบวนการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 อย่างมีส่วนร่วม บ้านนาหมอ ตำบลเมืองลี อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 7 ก.ค. 2565 |
หน่วยงาน | สำนักงานสาธารณสุขอำเภอนาหมื่น |
ผู้วิจัย | นายวรพจน์ บุญเจริญ |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความวิชาการ หรือ เอกสารรูปแบบวิชาการต่างๆ |
คำสำคัญ | มาตรการชุมชน มาตรการชีวิตวิถีใหม่ |
สาขางานวิจัย | งานบริการระดับปฐมภูมิ |
ประเด็นงานวิจัย | โรค ภัยและภาวะสุขภาพ |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การควบคุมโรค (Diseaes controlling) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงคุณภาพ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์ ขยายผลในหลายองค์กร ชุมชน อำเภอ หรือระดับจังหวัด |
เอกสาร | R2R-โควิดบ้านนาหมอ ต.เมืองลี อ.นาหมื่น ปี 2564.pdf |
คะแนน | 50 |
จำนวนการเข้าชม | 94 |
1. เพื่อศึกษากระบวนการดำเนินงานเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด 19 อย่างมีส่วนร่วม บ้านนาหมอ ตำบลเมืองลี อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน
ใช้กระบวนการทบทวนเอกสารการดำเนินงานและการจัดเวทีถอดบทเรียนแบบ After Action Review ในวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลเมืองลี อำเภอนาหมื่น กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก รพ. สสอ. รพ.สต. ปกครอง ตำรวจ อบต. กำนัน ผู้นำชุมชน อสม. และชาวบ้าน จำนวน ๖๐ คน วิเคราะห์ข้อมูลตาม Timeline และกระบวนการดำเนินการก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ แยกแยะสิ่งที่ทำได้ดี สิ่งที่ทำได้ไม่ดี และข้อเสนอแนะต่อการพัฒนา โดยมีจุดเด่นที่สำคัญคือ การมีส่วนร่วมของชุมชน ท้องถิ่น ร่วมคิด ร่วมตัดสินใจ ร่วมวางแผน และร่วมดำเนินการ ในทุกกระบวนการ
การศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้กระบวนการทบทวนเอกสารการดำเนินงานและการจัดเวทีถอดบทเรียนแบบ After Action Review กลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก รพ. สสอ. รพ.สต. ปกครอง ตำรวจ อบต. กำนัน ผู้นำชุมชน อสม. และชาวบ้าน จำนวน ๖๐ คน วิเคราะห์ข้อมูลตาม Timeline และกระบวนการดำเนินการก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ แยกแยะสิ่งที่ทำได้ดี สิ่งที่ทำได้ไม่ดี และข้อเสนอแนะต่อการพัฒนา
การป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 บ้านนาหมอ ตำบลเมืองลี อำเภอนาหมื่น สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากการมีส่วนร่วมของผู้นำชุมชนและชุมชน โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ในการร่วมวางแผน โครงสร้างบัญชาการเหตุ คำสั่งระดับอำเภอ/ตำบล สนับสนุนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในการดำเนินงานป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคอย่างทันท่วงที โดยกำหนดมาตรการชุมชน การเฝ้าระวัง คัดกรอง ป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรค “การปิดหมู่บ้าน”ภายหลังจากทราบข้อมูลการระบาดของโรค จนสามารถป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้สำเร็จ ชาวบ้านยอมรับมาตรการชุมชน โดยคำนึงถึง “เสียสละประโยชน์ส่วนตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม” มีการบริหารจัดการที่ดี ของผู้นำชุมชน คณะกรรมการหมู่บ้านและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถบริหารจัดการอาหาร น้ำดื่ม สิ่งของ และปัญหาต่างๆระหว่างการดำเนินงานป้องกัน ควบคุมการแพร่ระบาดของโรค จนผ่านพ้นระยะเวลาดังกล่าวไปได้ มีการแบ่งปันสิ่งของ อาหารและน้ำดื่ม ทั้งจากภายในชุมชน และภายนอกชุมชน อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม และชุมชนมีพื้นฐานความสามัคคี จิตอาสาร่วมปฏิบัติงานของหมู่บ้านระหว่างเกิดเหตุ และให้อภัยซึ่งกันและกันภายหลังเกิดเหตุ
ผลการศึกษาพบว่า ๑) ก่อนเกิดเหตุ ชุมชนและท้องถิ่นมีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันโรคอย่างเข้มแข็ง มีการกำหนดมาตรการชุมชน การเฝ้าระวัง คัดกรอง ตั้งด่านชุมชนคัดกรองคนเข้าออก กักตัวกลุ่มเสี่ยง มาตรการชีวิตวิถีใหม่ในกิจกรรมชุมชน แต่ยังมีจุดที่ต้องพัฒนาคือการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดไว้โดยเฉพาะในช่วงเทศกาล และการกำหนดมาตรการบังคับใช้สำหรับผู้ที่ไม่ให้ความร่วมมือ ในระดับตำบลและอำเภอ มีการวางแผน โครงสร้างบัญชาการเหตุ คำสั่งระดับอำเภอ/ตำบล สนับสนุนการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แต่การซ้อมแผนบนโต๊ะมีเฉพาะในส่วนของสาธารณสุขทำให้ภาคส่วนอื่นไม่ทราบบทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน ๒) ขณะเกิดเหตุ ทีมสาธารณสุขเป็นทีมทำงานหลักร่วมกับท้องถิ่นและภาคส่วนต่างๆ เข้าสอบสวนและควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว อบต.ช่วยจัดหาอุปกรณ์สนับสนุนการปฏิบัติการและเป็นศูนย์บริหารจัดการในภาพรวมตำบล มีการทบทวนมาตรการของชุมชนและดำเนินการอย่างเข้มงวด มีการปิดหมู่บ้านและกักตัวกลุ่มเสี่ยง โดยมีทีมสนับสนุนจากจังหวัดและอำเภออื่นๆได้เข้าไปสนับสนุน มีการดูแลช่วยเหลือกันจากภายในและภายนอกชุมชนโดยการประสานของกองทุนคนนาหมื่นไม่ทิ้งกัน ทำให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดยจุดที่ต้องพัฒนาคือ การทำความเข้าใจระบบบัญชาการเหตุ การกำหนดบทบาทหน้าที่ และการซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกัน การสื่อสารสาธารณะ ระเบียบการใช้งบประมาณของท้องถิ่นและส่วนราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และการสร้างความเข้าใจลดรังเกียจตีตรา ๓) หลังเกิดเหตุ มีการเยียวยาจิตใจ ปรับทำความเข้าใจ ให้อภัยกันและกัน และสรุปบทเรียนร่วมกัน
ข้อเสนอแนะต่อการพัฒนา
๑) ระดับอำเภอและตำบลควรมีการทบทวนแผน โครงสร้าง คำสั่ง บทบาทหน้าที่ที่ชัดเจน กำหนด สถานที่กักตัว ซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกัน ทำความเข้าใจในระเบียบแนวทางปฏิบัติกรณีภัยพิบัติ ด้านสาธารณสุขให้กับอปท. และมีหนังสือแจ้งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร
๒) ระดับชุมชน ควรสร้างความต่อเนื่องและเข้มงวดในมาตรการชีวิตวิถีใหม่ เพิ่มบทบาท อสม.ในการประสานกับพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เพิ่มการสร้างความรอบรู้เรื่องโรคโควิด 19 การวางแผนการสร้างความมั่นคงทางด้านอาหารในชุมชน และการประเมินผลกระทบหลังกลับสู่ภาวะปกติ
เผยแพร่ในเวทีวิชาการสาธารณสุขจังหวัดน่าน ปี 2564