ชื่องานวิจัย | ประสิทธิผลของโปรแกรมการเพิ่มพูนความรู้และทักษะการช่วยเหลือเบื้องต้น ผู้ป่วยโรคฉุกเฉินสำหรับอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 1 พ.ค. 2562 |
หน่วยงาน | โรงพยาบาลทุ่งช้าง |
ผู้วิจัย | นางขวัญฤทัย เจริญศุภพงศ์ |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความวิชาการ หรือ เอกสารรูปแบบวิชาการต่างๆ |
คำสำคัญ | การช่วยเหลือเบื้องต้น ผู้ป่วยโรคฉุกเฉิน,อาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ |
สาขางานวิจัย | งานบริการระดับทุติยภูมิ |
ประเด็นงานวิจัย | โรค ภัยและภาวะสุขภาพ |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การสนับสนุนงานบริการ (Health service support) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงคุณภาพ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์ ขยายผลในระดับองค์กร |
เอกสาร | ประสิทธิผลของโปรแกรมการเพิ่มพูนความรู้และทักษะการช่วยเหลือเบื้องต้น.pdf |
คะแนน | 68 |
จำนวนการเข้าชม | 227 |
เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการเพิ่มพูนความรู้และทักษะการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยโรคฉุกเฉิน ต่อแรงจูงใจ ความรู้ และทักษะในการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยโรคฉุกเฉินสำหรับอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์
การวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi-experimental research) เปรียบเทียบหนึ่งกลุ่ม ก่อนและหลังการทดลอง (One group pretest-posttest design)
วิธีการศึกษา:
การวิจัยแบบกึ่งทดลอง (Quasi-experimental research) เปรียบเทียบหนึ่งกลุ่ม ก่อนและหลังการทดลอง (One group pretest-posttest design) ดำเนินการระหว่าง เดือนมีนาคม ถึง เมษายน พ.ศ.2562 รวม 4 สัปดาห์ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ คืออาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ในอำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน จำนวน 15 คน โดยถูกคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยวิธีการเฉพาะเจาะจง
การวิเคราะห์ข้อมูล
วิเคราะห์ด้วยสถิติพรรณนา สถิติทดสอบที โดยมีการทดสอบการกระจายแบบโค้งปกติของตัวแปรก่อนทดลองตามข้อตกลงเบื้องต้นของสถิติที กำหนดค่าความเชื่อมั่นทางสถิติที่ระดับนัยสำคัญ .05
อาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์เป็นเพศชายทั้งหมด มีอายุเฉลี่ย 36 ปี ส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับมัธยมปลาย ส่วนใหญ่มีอาชีพลูกจ้างชั่วคราว มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท คิดเป็นร้อยละ 73.33 ทุกคนให้เหตุผลการสมัครเข้ามาเป็นอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์มากที่สุด คือ ต้องการช่วยเหลือสังคม ส่วนใหญ่ปฏิบัติหน้าที่ ณ เทศบาล คิดเป็นร้อยละ 53.33 ส่วนใหญ่มีประสบการณ์การทำงาน 4-6 ปี คิดเป็นร้อยละ 33.33 ได้รับการอบรมฟื้นฟูความรู้ล่าสุดภายใน 1 ปี คิดเป็นร้อยละ 86.67
ผลการศึกษา พบว่า หลังเข้าร่วมโปรแกรม อาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ มีแรงจูงใจ ความรู้ และทักษะ ในการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยโรคฉุกเฉินอยู่ในระดับมากที่สุด ดีกว่าก่อนเข้าร่วมโปรแกรม อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
การจัดโปรแกรมการเพิ่มพูนความรู้และทักษะการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยโรคฉุกเฉิน สำหรับอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์โดยประยุกต์ใช้แบบจำลองเสริมแรงจูงใจของเคลเลอร์ (Keller, 2010) ซึ่งประกอบด้วย 1) ความสนใจ (Attention) 2) ความสัมพันธ์กัน (Relevance) 3) ความเชื่อมั่น (Confidence) 4) ความพึงพอใจ (Satisfaction) 5) การตัดสินใจด้วยตนเอง (Volition) ร่วมกับการใช้แผนการสอนที่มีประสิทธิภาพ มีการใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ในการทบทวนและติดตามให้ความรู้เกี่ยวกับการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยโรคฉุกเฉิน และการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพ มีกิจกรรมการตอบคำถามในไลน์กลุ่ม และการแจกคู่มือการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยโรคฉุกเฉิน ในรูปแบบวิดีทัศน์หลังจบการอบรม มีการประเมินความรู้ก่อน-หลังการทดลอง มีการฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลอง และการฝึกทักษะการช่วยเหลือเบื้องต้น โดยแบ่งออกเป็น 5 ฐานได้แก่ ฐานที่ 1 การประเมินอาการของโรคฉุกเฉิน ฐานที่ 2 การประเมินสัญญาณชีพฐานที่ 3 การปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพฐานที่ 4 การเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ฐานที่ 5 การช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยโรคฉุกเฉินขณะส่งต่อ สามารถเพิ่มแรงจูงใจ ความรู้ และทักษะในการช่วยเหลือเบื้องต้นผู้ป่วยโรคฉุกเฉินของอาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ได้
การศึกษาครั้งต่อไปอาจจัดทำเป็นเว็บไซต์ให้ความรู้เรื่องโรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และโรคติดเชื้อในกระแสโลหิต มีแบบฝึกทักษะ และสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ ให้ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนและตอบคำถามได้ และสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้เข้าอบรมผ่านการลงชื่อเข้าใช้ได้ ทั้งนี้ควรทำตามบริบทและกลุ่มเป้าหมายของแต่ละพื้นที่
ได้รับรางวัลผลงานวิชาการดีเด่นระดับจังหวัด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดน่าน
เข้าร่วมประกวดผลงานวิชาการกระทรวงสาธารณสุขระดับประเทศ