ชื่องานวิจัย | ภูมิปัญญาหมอตำแยชนเผ่าม้ง ในการทำคลอดและการดูแลมารดา ทารก หลังคลอด โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปางแก อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 1 มิ.ย. 2553 |
หน่วยงาน | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปางแก |
ผู้วิจัย | นางขวัญฤทัย เจริญศุภพงศ์ |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความวิชาการ หรือ เอกสารรูปแบบวิชาการต่างๆ |
คำสำคัญ | หมอตำแย ชนเผ่าม้ง |
สาขางานวิจัย | งานบริการระดับปฐมภูมิ |
ประเด็นงานวิจัย | กลุ่มวัยและกลุ่มเปราะบาง |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การรักษาทางการแพทย์ (Medical treatment) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงบรรยาย (Descriptive Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงคุณภาพ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์เฉพาะหน่วยงาน |
เอกสาร | ผลงานวิชาการปางแก เรื่อง หมอตำแย.pdf |
คะแนน | 64 |
จำนวนการเข้าชม | 328 |
เพื่อศึกษาชีวประวัติ และภูมิปัญญาพื้นบ้านของหมอตำแยเผ่าม้งอาวุโสในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปางแก
เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง คือนายไซแต๋ง แซ่ม้า ในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปางแก
ระเบียบวิธีการดำเนินงาน
เป็นวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) เลือกตัวอย่างแบบเจาะจง คือนายไซแต๋ง แซ่ม้า ในพื้นที่รับผิดชอบของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปางแก
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ ผู้วิจัยเอง เก็บข้อมูลโดยใช้การสังเกต การสัมภาษณ์เจาะลึกบุคคลตัวอย่าง สัมภาษณ์หญิงตั้งครรภ์ที่คลอดกับหมอตำแยอาวุโสภายในวันที่ 1 มิถุนายน2552 ถึง 31 พฤษภาคม 2553 การบันทึกประวัติชีวบุคคล ใช้สถิติพรรณนา คือ ความถี่, ร้อยละในการอธิบาย
- ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ทัศนคติ กับหมอตำแย ด้านภูมิปัญญา ด้านการทำคลอดและการดูแลสุขภาพหญิงหลังคลอด และทารกแรกเกิด
- มีการร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพเพื่อนำมาปรับใช้อย่างบูรณาการ
- ให้ความรู้แพทย์แผนปัจจุบัน เทคนิคป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และร่วมกันคิดปรับกระบวนการทำคลอดของหมอตำแยให้ปลอดภัยมากกว่าเดิม
- หมอตำแยยอมรับการใช้เครื่องมือแพทย์แผนปัจจุบันในการทำคลอด และเทคนิคการลดการแพร่กระจายเชื้อ
- หมอตำแยยอมรับความรู้ด้านการดูแลหญิงหลังคลอดแพทย์แผนปัจจุบัน โดย แนะนำให้หญิงหลังคลอดไปตรวจหลังคลอดตามนัด การให้ดื่มนมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือน และสามารถปรับใช้ภูมิปัญยาร่วมกับแพทย์แผนไทยอย่างเหมาะสม
- หญิงหลังคลอดมาตรวจหลังคลอดตามนัด 100% และให้ลูกดื่มนมแม่อย่างเดียวนาน6เดือนตามคำแนะนำ
ปัจจุบันนี้หมอตำแยกำลังจะหมดยุคไปจากสังคมไทย หมอตำแยนั้นนับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาไทยแท้เลยก็ว่าได้ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่การพยาบาลดูแลคลอดช่วยสอนให้ผู้คลอดบุตรทั้งก่อนคลอด ขณะคลอด หลังคลอด ดูแลตัวเอง ถูกบ้างผิดบ้าง แต่ก็นับได้ว่าเป็นประโยชน์มากกว่าโทษ และช่วยสังคมไทยมาตลอดจนมาถึงทุกวันนี้ และหมอตำแยก็ได้ลดบทบาทจนกระทั่งแทบจะหาหมอตำแยไม่ได้ หรือถ้ามีหมอตำแยก็จะได้ช่วยทำคลอดจำนวนน้อยมาก ในกรณีที่ไม่สามารถไปโรงพยาบาลได้ทันเวลา หรือ ตามความเชื่อและประเพณีของบุคคลนั้นๆ
งานวิจัยชิ้นนี้ มีเรื่องราวที่คล้ายคลึงกับบทความเรื่อง อวสานโต๊ะบิแด หมอตำแยโบราณ ซึ่ง โต๊ะบิแด คือ ผดุงครรภ์ท้องถิ่น ที่เคียงคู่วิถีชีวิตของมุสลิมแดนใต้ มาเนิ่นนานแล้ว แต่ในปัจจุบัน หมอตำแยโบราณกลุ่มนี้ ค่อยๆ เลือนหาย ไปจากความทรงจำ เนื่องเพราะ การแพทย์แผนปัจจุบัน ก้าวหน้ามากขึ้น และชาวบ้านให้การยอมรับ มากกว่าเดิม แต่จะแตกต่างจากวิจัยเรื่องนี้คือ เรื่องความแตกต่างของปัจจัยที่หญิงตั้งครรภ์เลือกที่จะทำคลอดกับหมอตำแย อธิบายได้คือ หญิงตั้งครรภ์ชาวม้งมีปัจจัยด้านการเดินทางไปคลอดที่โรงพยาบาลเป็นปัญหาหลักเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ธุรกันดาร ส่วนชาวมุสลิมจะเป็นในเรื่องของการอยู่ใต้อำนาจของสามีและรอสามีให้อนุญาตในการคลอด สามีกำหนดสถานที่คลอด และเรื่องเพศของคนทำคลอดเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผู้ยึดมั่นในอิสลาม นอกจากนี้ การเกิดของทารกมุสลิม ยังมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่เรียกว่า 'อาซาน' และ 'อิกอมะฮฺ' ซึ่งจะต้องกระทำทันทีหลังจากทำความสะอาดทารกแรกคลอด โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นที่นับถือของครอบครัว การทำพิธีกรรมนี้จะสะดวกและสามารถทำได้หากคลอดที่บ้าน
จากการศึกษาวิจัยได้สรุปข้อดี ข้อเสียของการทำคลอดกับหมอตำแย และการเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างการทำคลอดภูมิปัญญาพื้นบ้านกับการทำคลอดแพทย์แผนปัจจุบัน ดังนี้
ข้อดี
เนื่องจากว่าในสมัยโบราณนั้นการแพทย์ยังไม่เจริญ มีการขาดแคลนบุคลากรทางแพทย์ การเดินทางก็ไม่สะดวกสบายเหมือนสมัยปัจจุบัน ฐานะทางเศรษฐกิจก็ไม่ค่อยดี การที่มีหมอตำแยในหมู่บ้านนั้นๆทำให้สะดวกสบายแก่หญิงตั้งครรภ์และมีความปลอดภัยกับทารก และยังเป็นอีกบุคลากรหนึ่งที่มีความรู้ทางด้านศาสตร์และศิลป์ที่ได้มีการปฏิบัติสืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น และปัจจุบันหมอตำแยส่วนใหญ่ได้รับการอบรมเกี่ยวกับความรู้ในเรื่องของการทำคลอด เรียนรู้ในเรื่อง การทำคลอดแบบปกติและผิดปกติ ขั้นตอนของการทำคลอดเริ่มมีการทำตามขั้นตอนที่คล้ายกับปัจจุบันมากขึ้น จึงทำให้ผู้คลอดในสมัยก่อนส่วนมากเลือกที่จะทำคลอดกับหมอตำแย
ข้อเสีย
การทำคลอดกับหมอตำแยในสมัยก่อนถือเป็นสิ่งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเชื่อถือกันมาก จนลืมนึกถึงความปลอดภัยของตนเองและบุตร ว่าจะส่งผลเสียอะไรตามมาภายหลังที่สำคัญหมอตำแยในสมัยก่อนใช้หลักในการทำคลอดไม่ถูกต้องตามเทคนิค อาจจะยังไม่ค่อยให้ความสำคัญในการทำคลอดโดยเน้นเทคนิคปราศจากเชื้อ การทำคลอดโดยหมอตำแยซึ่งยังไม่ผ่านการอบรม การทำคลอดโดยวิธีหรือท่าที่ไม่เหมาะสมและการทำความสะอาดอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้ออาจส่งผลทำให้เกิดการติดเชื้อ เกิดการตกเลือด ทำให้ทั้งมารดาและบุตรเสียชีวิตได้
ปัญหาที่เห็นได้ชัดคือ ปัญหาและอุปสรรคที่เลี่ยงไม่ได้ของชนเผ่าม้งบ้านปางแก คือ ระยะทางในการเดินทางไปโรงพยาบาล ซึ่งไกลและมีความเสี่ยงต่อการคลอดระหว่างทาง หญิงตั้งครรภ์จึงตัดสินใจคลอดกับหมอตำแย อีกทั้งในด้านของความรู้สึกแล้วคงปฏิเสธไม่ได้ว่า การอยู่ในสถานที่ๆคุ้นเคย มีคนรู้จักอยู่รอบข้างให้กำลังใจ จะทำให้รู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจกว่าการอยู่ต่างสถานที่กับบุคคลแปลกหน้าที่มาทำคลอดให้ และอีกหนึ่งปัญหาใหญ่คือ การใช้ภาษาในการสื่อสารระหว่างพยาบาลกับหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งชาวเขาเผ่าม้งส่วนใหญ่ไม่สามารถสื่อสารหรือทำความเข้าใจกับภาษาไทยกลางได้ จึงไม่สามารถบอกความต้องการหรือ ทำความเข้าใจในคำแนะนำของพยาบาลได้อย่างเต็มที่ ซึ่งปัญหาที่ค้นพบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาร่วมกันต่อไป
ข้อจำกัดของการทำวิจัยเรื่องนี้ คือ ข้อจำกัดด้านการสื่อสารและแปลความหมาย ซึ่งผู้วิจัยไม่สามารถพูดและแปลภาษาม้งได้ และ หมอตำแยไม่สามารถพูดและแปลภาษาไทยได้ จึงต้องใช้ล่ามในการสัมภาษณ์ ซึ่งทำให้ล่าช้า และข้อมูลการถามอาจจะไม่ครบถ้วนสมบูรณ์
ประกวดผลงานวิชาการระดับจังหวัด