ชื่องานวิจัย | การพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวังและป้องกันการฆ่าตัวตายโดยชุมชนมีส่วนร่วม โดยกระบวนการ TOP Model ในพื้นที่บ้านม่วงเนิ้ง ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 1 ต.ค. 2562 |
หน่วยงาน | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอ่ายนาไลย |
ผู้วิจัย | นายAdmin NRIS |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความวิชาการ หรือ เอกสารรูปแบบวิชาการต่างๆ |
คำสำคัญ | รูปแบบการเฝ้าระวังและการป้องกันการฆ่าตัวตาย,การมีส่วนร่วมของชุมชน,กระบวนการมีส่วนร่วมแบบพหุ พาคี,(TOP,Model),ADL |
สาขางานวิจัย | งานบริการระดับปฐมภูมิ |
ประเด็นงานวิจัย | การจัดการสุขภาพชุมชน |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การป้องกันโรค (Diseaes prevention) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงคุณภาพและปริมาณ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์ ขยายผลในหลายองค์กร ชุมชน อำเภอ หรือระดับจังหวัด |
เอกสาร | |
คะแนน | 0 |
จำนวนการเข้าชม | 131 |
เพื่อพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวังและป้องกันการฆ่าตัวตายโดยชุมชนมีส่วนร่วม โดยกระบวนการ TOP Model
ในพื้นที่บ้านม่วงเนิ้ง ตำบลอ่ายนาไลย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน
วิจัยเชิงปฏิบัติการแบบมีส่วนร่วม (Participatory Action Research)
สำรวจแบบภาคตัดขวาง กลุ่มเป้าหมายคัดเลือก
แบบเจาะจง ได้แก่ พยาบาลจิตเวชรพ.เวียงสา เจ้าหน้าที่รพ.สต.อ่ายนาไลย 4 คน อสม./แกนน าชุมชน/อบต. 30 คน ผู้ดูแลผู้ป่วยจิตเวช 30 คน รวมทั้งหมด 64 คน โดยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมกระบวนการมีส่วนร่วมแบบพหุพาคี (Top model) เสริมสร้างทักษะการดูแลผู้ป่วยจิตเวช คืนข้อมูล เสนอปัญหา ปรับเปลี่ยนทัศนคติของชุมชน กำหนดแผนกิจกรรม พัฒนาทักษะการดูแลช่วยเหลือแก่ care giver ทักษะการให้คำปรึกษา/การคัดกรอง วิธีจัดการในภาวะวิกฤติสุขภาพจิตแก่ อสม. จัดระบบเฝ้าระวังดูแลกลุ่มเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย กำหนดบทบาทหน้าที่ รณรงค์ประชาสัมพันธ์ในชุมชน
สามารถพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวังและป้องกันการฆ่าตัวตายในชุมชนที่มีความเหมาะสมและแนวทางการดูแล
ผู้ป่วยจิตเวชที่ชัดเจน เป็นรูปธรรม ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเฝ้าระวังและการป้องกันปัญหาการ
ฆ่าตัวตายในชุมชน ร้อยละ 96.6 การมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตายในชุมชน 5
พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีแนวคิดว่า ชุมชนจะเข้มแข็งได้ ชุมชนต้องมีสุขภาพจิตดี ร้อยละ 96.6 สามารถใช้ประโยชน์จากการเข้ามามีส่วนร่วม นำไปใช้กับตนเอง ครอบครัวและชุมชน ร้อยละ 95.0 การมีส่วนร่วมใน
การวางแผนงาน 98.3 การด าเนินการเฝ้าระวังและป้องกันปัญหาการฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่องร้อยละ 95.0 และการมีส่วนร่วมเป็นกลไกหรือแนวทางท าให้ชุมชนเข้มแข็ง ร้อยละ 98
การพัฒนารูปแบบการเฝ้าระวังและป้องกันการฆ่าตัวตายโดยชุมชนมีส่วนร่วม โดยกระบวนการ TOP Model ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีต่อผู้ป่วยสุขภาพจิตและครอบครัว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชสามารถนำรูปแบบการพัฒนาฯ ไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพปัญหาของผู้ป่วยจิตเวชและบริบทของชุมชน จะส่งผลทำให้ผู้ป่วยจิตเวชได้รับการดูแลอย่างมีคุณภาพ กระบวนการมีส่วนร่วมโดยชุมชน สามารถที่จะแก้ปัญหาการฆ่าตัวตายในชุมชนได้อย่างแท้จริง
เวทีวิชาการ