ชื่องานวิจัย | ตู้ยาสองด้าน บริการคุณภาพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลงอบ |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 1 ก.พ. 2558 |
หน่วยงาน | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลงอบ |
ผู้วิจัย | นางขวัญฤทัย เจริญศุภพงศ์ |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความวิชาการ หรือ เอกสารรูปแบบวิชาการต่างๆ |
คำสำคัญ | ตู้ยา ตู้ยาสองด้าน คุณภาพ |
สาขางานวิจัย | งานบริการระดับปฐมภูมิ |
ประเด็นงานวิจัย | โรค ภัยและภาวะสุขภาพ |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การรักษาทางการแพทย์ (Medical treatment) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงคุณภาพและปริมาณ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์เฉพาะหน่วยงาน |
เอกสาร | ตู้ยาสองด้านบริการคุณภาพ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลงอบ.pdf |
คะแนน | 96 |
จำนวนการเข้าชม | 180 |
เพื่อศึกษาผลของการใช้ตู้ยาสองด้าน ในประเด็นเรื่อง ทุน เวลา ความถี่ในการจ่ายยาผิดและจ่ายยาหมดอายุแก่ผู้รับบริการ และความสามารถในการแยกยาบรรจุก่อนและยาบรรจุหลังตามระบบ (First In First Out: FIFO)
รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง ดำเนินการในพื้นที่ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2557 เก็บข้อมูลกับผู้รับบริการตรวจรักษาโรค ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลงอบ ระหว่าง 1 ธันวาคม 2556 ถึง 31 มกราคม 2557 จำนวน 1,329 คน
รูปแบบ การวิจัยเชิงทดลอง ดำเนินการในพื้นที่ตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน
ประชากร ประชาชนตำบลงอบ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน จำนวน 3,872 คน
กลุ่มตัวอย่าง เก็บข้อมูลกับประชากรที่มารับบริการตรวจรักษาโรค ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลงอบ ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2556 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2557 ทุกคน จำนวน 1,329 คน
เครื่องมือ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมี 2 ชิ้น คือ 1.ตู้ยาสองด้าน 2.แบบประเมินคุณภาพตู้ยาสำหรับการจ่ายยาในการรักษาของเจ้าหน้าที่
1)ตู้ยา 2 ชั้นมีขนาดความกว้าง 180 เซนติเมตร ความยาว 220 เซนติเมตร ความหนา 40 เซนติเมตร สามารถใช้แทนเป็นผนังกั้นห้องตรวจรักษาได้ 2 ห้อง ทำให้เพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้กับห้องตรวจได้เพิ่มขึ้น
2)ตู้ยาแบบเดิม 2 ตู้แยกเป็นตู้ยาเม็ดและตู้ยาน้ำ ราคา 5,000 บาท แต่ไม่สามารถบรรจุยาได้ครบตามบัญชียาและใช้ได้เพียงห้องตรวจเดียว ขณะที่ตู้ยา 2 ชั้นใช้งบประมาณในการจัดทำ 14,000 บาท สามารถจัดเก็บยาบรรจุซองได้ 56 ช่องจัดเก็บยาน้ำได้ 2 ชั้น จัดเก็บยาใช้ภายนอกได้ 1 ชั้นและจัดเก็บเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา 1 ชั้น และอุปกรณ์ทางการแพทย์อีก 2 ชั้น สามารถบรรจุยาได้ครบตามบัญชียา
3)สามารถลดระยะเวลาการรอคอยตรวจ โดยตู้ยาแบบเดิมใช้เวลาในการให้บริการตรวจรักษาโรคประมาณ 15-20 นาทีต่อผู้รับบริการ 1 คน ขณะที่การใช้ตู้ยาสองด้านใช้เวลาประมาณ 7-10 นาทีต่อผู้รับบริการ 1 คน
4)ไม่พบอุบัติการณ์การจ่ายยาผิดหรือจ่ายยาหมดอายุแก่ผู้รับบริการ
5)การใช้ตู้ยา 2 ด้านสามารถแยกยาบรรจุก่อนและยาบรรจุหลังตามระบบ (First In First Out: FIFO)ได้
ถึงแม้ว่าตู้ยาสองด้านจะมีราคาต้นทุนในการผลิตสูงกว่าราคาตู้ยาแบบเดิม กล่าวคือ ตู้ยาแบบเดิม ราคา 5,000 บาท พบปัญหาคือบรรจุยาได้ไม่ครบตามบัญชียา ติดตั้งไว้ในห้องตรวจโรคได้ห้องเดียว เจ้าหน้าที่ห้องตรวจสองต้องเดินมาหยิบยาที่ห้องตรวจหนึ่งต่อคนต่อครั้ง เกิดความไม่สะดวกในการปฏิบัติงานและเพิ่มระยะเวลาในการตรวจรักษาหากต้องมีการจัดยาเพิ่ม ส่วนนวัตกรรมตู้ยาสองด้าน ราคา 14,000 บาท สามารถบรรจุยาได้ครบตามบัญชียา ออกแบบมาเพื่อใช้แทนฝาผนังได้ ติดตั้งแล้วสามารถใช้ได้ทั้งสองห้องตรวจ เมื่อเทียบประสิทธิภาพในการใช้งานแล้ว ตู้ยาสองด้านสามารถแก้ปัญหาการปฏิบัติงานด้านการให้บริการรักษาพยาบาลได้เป็นอย่างดี ทั้งในประเด็นเรื่องการลดระยะเวลาในการรอตรวจ จากเดิมใช้เวลาในการให้บริการตรวจรักษาโรคประมาณ 15-20 นาที ต่อผู้รับบริการ 1 คน เนื่องจากเจ้าหน้าที่งานตรวจรักษาจะต้องเป็นผู้จัดยาเพิ่มเองที่โต๊ะตรวจ หากมีการวินิจฉัยจ่ายยาชนิดที่ไม่ได้จัดไว้ในตู้ยาเพราะความจำกัดด้านพื้นที่ของตู้ยาแบบเดิม หลังจากการใช้ตู้ยาสองด้านที่บรรจุยาได้ครบตามบัญชียา ใช้เวลาตรวจรักษาโรคประมาณ 7-10 นาที ต่อผู้รับบริการ 1 คน ซึ่งสามารถลดระยะเวลาการรอตรวจได้ถึง 8-10 นาทีต่อคน ช่วยลดความตึงเครียดในการรอตรวจของผู้มารับบริการได้ อีกทั้งยังแก้ปัญหาในเรื่องความเสี่ยงต่างๆ ในการจ่ายยา เช่น การจ่ายยาผิด การจ่ายยาหมดอายุ และการจ่ายยาไม่ครบโด๊สยา เพราะการจัดยาเองภายใต้ความเร่งรีบในการให้บริการคนไข้ที่รอตรวจจำนวนมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ขาดหลักการ Double check ยาและขาดหลักการ 6 R อาจทำให้คนไข้เสี่ยงต่อการได้รับยาผิดได้ ที่ผ่านมาจากการเก็บข้อมูลพบคนไข้ได้รับยาไม่ครบโด๊สจำนวน 6 ราย โดยเป็นยาปฏิชีวนะ ซึ่งเป็นยาที่ต้องรับประทานให้ครบตามโด๊สยาเพื่อการหายของโรคและไม่เสี่ยงต่อการดื้อยา หลังการใช้ตู้ยาสองด้าน จะมีเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้เรื่องยาเป็นผู้จัดยาใส่ตู้ยาตามบัญชียาและตามหลักการจ่ายยา และมีเจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานตรวจรักษาโรค Double check ยาก่อนจ่ายยาแก่คนไข้อีกที จึงพบว่าไม่มีอุบัติการณ์การจ่ายยาผิด จ่ายยาไม่ครบโด๊สยาหรือจ่ายยาหมดอายุแก่ผู้รับบริการ อีกทั้งนวัตกรรมตู้ยาสองด้านนี้ยังสามารถแยกล๊อตยาบรรจุก่อนและยาบรรจุหลังได้ตามหลักการ First In First Out ทำให้เจ้าหน้าที่สะดวกในการจ่ายยาและสะดวกในการตรวจหายาหมดอายุในตู้ยาเพื่อนำไปทำลาย จึงไม่มียาหมดอายุเหลืออยู่ในตู้ยา นอกจากนี้ ตู้ยาสองด้านสามารถทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้องตรวจจากการที่ใช้ตู้ยามาแทนฝาผนังห้อง โดยนำมากั้นเป็นผนังระหว่างห้องตรวจ1และห้องตรวจ2 ทำให้พื้นทีห้องตรวจดูโล่งโปร่ง สบายตาขึ้น และเปรียบกับตู้ยาแบบเดิมเป็นประตูเปิดปิดแบบดึงออกทำให้ต้องใช้พื้นที่หน้าตู้ยามากกว่าตู้ยาสองด้านที่มีประตูเปิดปิดแบบกระจกเลื่อนซ้ายขวา
1. ควรมีการใช้ตู้ยา 2 ด้านควบคู่กับการพัฒนาทักษะในการดูแลและการบรรจุยาให้กับลูกจ้างที่อยู่ในหน่วยงาน
นำเสนอเวทีวิชาการระดับจังหวัด