ชื่องานวิจัย | หน้ากากสมุนไพรไทยประยุกต์ใช้ประคบเข่า |
---|---|
วันที่เผยแพร่ | 26 ก.ค. 2565 |
หน่วยงาน | โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลน้ำแก่น |
ผู้วิจัย | นายวิทธวัส ธงเงิน |
ผู้วิจัยร่วม |
|
ประเภทของบทความ | บทความวิชาการ หรือ เอกสารรูปแบบวิชาการต่างๆ |
คำสำคัญ | หน้ากากสมุนไพร ประคบเข่า |
สาขางานวิจัย | งานนวัตกรรม (สิ่งประดิษฐ์) |
ประเด็นงานวิจัย | ระบบบริการและนโยบายสุขภาพ |
กลุ่มของวัตถุประสงค์การศึกษา | การสนับสนุนงานบริการ (Health service support) |
ประเภทของงานวิจัย | การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) |
ชนิดของข้อมูล | เชิงคุณภาพ |
ภาคีเครือข่ายในงานวิจัย |
|
ระดับการนำไปใช้ | ใช้ประโยชน์เฉพาะหน่วยงาน |
เอกสาร | นวัตกรรมหน้ากากสมุนไพรประยุกต์ใช้ประคบเข่า รพ.สต.น้ำแก่น5.pdf |
คะแนน | 62 |
จำนวนการเข้าชม | 196 |
เพื่อช่วยให้ผู้ที่บาดเจ็บเกิดแผลฟกซ้ำ อักเสบและปวดเมื่อย บรรเทาอาการปวดด้วยการประยุกต์ใช้สมุนไพรประคบ
ผู้ประดิษฐ์นวัตกรรมทำการประกอบชิ้นงานโดยใช้วัสดุสมุนไพรธรรมชาติที่หาได้ในท้องถิ่น ตัวยาที่นิยมใช้ทำลูกประคบสมุนไพรมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบหน้ากากสมุนไพรประคบเข่าเพื่อช่วยลดข้อจำกัดในการนำลูกประคบมาใช้งานกับบริเวณข้อต่อให้สามารถใช้งานกับบริเวณข้อต่อได้นานขึ้น มีความยึดหยุ่นสามารถยึดติดกับร่างกายบริเวณข้อต่อได้นานขึ้นส่งผลให้ผู้ป่วยได้รับปริมาณการดูดซึมตัวยาสมุนไพรได้นานขึ้น สะดวกใช้งานมากขึ้น อุปกรณ์สำหรับการประดิษฐ์หน้ากากสมุนไพร ประกอบด้วยผ้าดิบสำหรับห่อหุ้มสมุนไพรแบบรูปทรงจัตุรัส ขนาดความกว้าง 35 เซนติเมตร ความยาว 35 เซนติเมตร จำนวน 2 ผืน เชือกหรือสายยางยืดสำหรับรัดข้อเข่ากับหน้ากากสมุนไพร ใยบวบและสมุนไพรไทย ประกอบด้วย ไพล 500 กรัม ผิวหรือใบมะกรูด 200 กรัม ตะไคร้บ้าน 100 กรัม ใบมะขาม 300 กรัม ขมิ้นชัน 100 กรัม เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ การบูร 2 ช้อนโต๊ะ ใบส้มป่อย 100 กรัม ใบพลับพลึง 100 กรัม ทำการหั่นหัวไพล ขมิ้นชัน ตะไคร้ ผิวหรือใบมะกรูดแล้วนำมาตำพอหยาบ นำใบมะขาม ใบส้มป่อยผสมกับวัตถุดิบที่ได้ตำหยาบแล้ว ใส่เกลือ การบูร คลุกเคล้าให้เป็นเนื้อเดียวกัน แบ่งตัวยาที่คลุกเคล้าแล้วใส่ผ้าดิบที่เย็บเป็นรูปหน้ากาก (Mask) รองด้วยใยบวบแล้วทำการเย็บให้เรียบร้อยและเย็บสายรัดบริเวณปลายผ้าทั้ง 4 ด้าน นำหน้ากากสมุนไพรดังกล่าวไปนึ่งในหม้อนึ่งนาน 20 นาทีแล้วนำหน้ากากสมุนไพรที่ผ่านความร้อนแล้วไปประคบบริเวณข้อเข่าได้รับการบาดเจ็บ
ผู้ประดิษฐ์ได้ทบทวนถึงข้อจำกัดของการใช้งานลูกประคบสมุนไพรและได้นำไปทดลองใช้กับกลุ่มตัวอย่างที่สมัครใจใช้นวัตกรรมและมีประวัติเคยใช้ลูกประคบสมุนไพรมาก่อนจำนวน 5 ราย ได้ผลสะท้อนประสิทธิภาพและข้อจำกัดที่สอดคล้องกับสิ่งที่ได้ทบทวนคือ ห้ามใช้หน้ากากสมุนไพรที่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะกับบริเวณผิวหนังอ่อนๆ หรือบริเวณที่เคยเป็นแผลมาก่อน ถ้าต้องการใช้ควรมีผ้าขนหนูรองก่อนหรือรอจนกว่าหน้ากากจะคลายความร้อนลงจากเดิม ควรระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยเบาหวาน อัมพาต เด็กและผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวความรู้สึกตอบสนองต่อความร้อนช้า อาจจะทำให้ผิวหนังไหม้พองได้ง่าย ถ้าต้องการใช้ควรจะใช้หน้ากากสมุนไพรที่อุ่น ไม่ควรใช้หน้ากากสมุนไพรกรณีที่มีแผล การอักเสบ (ปวด บวม แดง ร้อน) ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกเพราะจะทำให้บวมมากขึ้น หลังจากประคบหน้ากากสมุนไพรแล้วไม่ควรอาบน้ำน้ำทันทีเพราะจะไปชะล้างตัวยาออกจากผิวหนัง และอุณหภูมิของร่างกายปรับเปลี่ยนไม่ทันอาจจะทำให้เป็นไข้ได้ หน้ากากสมุนไพรที่ทำในแต่ละครั้ง สามารถเก็บไว้ใช้ซ้ำได้ 3-5 วัน ควรเก็บหน้ากากสมุนไพรไว้ในตู้เย็นจะทำให้เก็บได้นานขึ้น ควรตรวจสอบหน้ากากสมุนไพรด้วย ถ้ามีกลิ่นบูดหรือเหม็นเปรี้ยวไม่ควรเก็บไว้ ถ้าหน้ากากสมุนไพรแห้งก่อนใช้ควรพรมด้วยน้ำจึงจะนำไปใช้ได้
สิ่งประดิษฐ์เชิงประยุกต์ชิ้นงานนี้ช่วยบรรเทาอาการปวดข้อเข่า ช่วยลดอาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ หลัง 24-48 ชั่วโมงในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอาสาสมัคร ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อบริเวณเข่า ลดการติดขัดของข้อต่อ ลดอาการปวด ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด สะดวกในการใช้งาน ช่วยลดต้นทุนของหน่วยงานด้านยาและเวชภัณฑ์ที่ต้องจ่ายให้กับผู้เจ็บป่วย
ผู้ป่วยสามารถประคบได้ด้วยตนเอง สร้างสมดุลให้แก่สุขภาพของตนเองแม้ว่าจะไม่เจ็บป่วย หรือมีโรคภัยใด ๆ ก็ตาม คลายเครียด สบายเนื้อสบายตัว อารมณ์แช่มชื่น ผ่องใส จิตใจ ปลอดโปร่ง ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น เป็นต้น ช่วยลดต้นทุนของหน่วยงานด้านยาและเวชภัณฑ์ที่ต้องจ่ายให้กับผู้เจ็บป่วย
การศึกษาการใช้งานสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนาและขยายการนำไปใช้กับกลุ่มผู้ป่วยในขนาดจำนวนที่มากขึ้นเพื่อให้ได้ขนาดกลุ่มตัวอย่างงานวิจัยที่เพียงพอจนสามารถใช้สถิติทดสอบทางสถิติได้
-